และกิจกรรม
กลุ่มอำพลฟูดส์ ผู้นำนวัตกรรมอาหารไทยและผู้ปลุกปั้น SMEs ในอุตสาหกรรมอาหารสู่ตลาดโลก ในฐานะองค์กรอาหารชั้นนำที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ควบคู่การสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ร่วมพิธีประกาศเจตนารมณ์เข้าร่วม "โครงการส่งเสริมการกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคอุตสาหกรรม เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ด้วยวิธี Science Based Target (ระยะที่ 2)" โดยเป็น 1 ใน 23 องค์กรที่ผ่านการคัดเลือกร่วมโครงการ ฯ โดย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน)
โครงการส่งเสริมการกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคอุตสาหกรรม เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ด้วยวิธี Science Based Target (ระยะที่ 2) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพ และเผยแพร่องค์ความรู้ในกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ที่สอดคล้องกับการจำกัดอุณหภูมิโลกให้เพิ่มขึ้นไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถบริหารจัดการความเสี่ยง และเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันในยุคที่โลกให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม
ดร.กรณ์กณิศ แสงดี ผู้อำนวยการส่วนงานนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน กลุ่มอำพลฟูดส์ กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมอาหาร เรามุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้แนวทาง Sustainable Innovation for a Better Future. โดยให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับ การสร้างคุณค่า ให้กับเศรษฐกิจและสังคม วันนี้ กลุ่มอำพลฟูดส์ ขอประกาศเจตนารมณ์ มุ่งสู่ Net Zero การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 เพื่อร่วมส่งต่อโลกที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นต่อไป ผ่านการยกระดับการใช้เทคโนโลยี เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน ลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและพลังงาน สร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ รวมถึงการร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน”
การเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคอุตสาหกรรม เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ด้วยวิธี Science Based Target (ระยะที่ 2) จะช่วยให้อำพลฟูดส์สามารถดำเนินการแผนในระยะต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ อาทิ แผนระยะสั้น หรือภายใน 5 ปี ที่มีการกำหนดเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ร้อยละ 15 ,แผนระยะกลาง อำพลฟูดส์วางเป้าหมายบรรลุความสมดุลระหว่างปริมาณ คาร์บอนไดออกไซด์ หรือความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2040 เน้นด้านการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในการดูดซับก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 พร้อมส่งเสริมการลดคาร์บอนแก่คู่ค้าในห่วงโซ่คุณค่าอย่างยั่งยืน และมุ่งสู่เป้าหมายองค์กรปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ในปี 2050 ตามที่ได้ประกาศไว้อย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนมกราคม ปี 2024 
